วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2561

😊แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 8😊

🔰🔰🔰

1.จงอธิบายถึงรูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวัยในปัจจุบัน
 ตอบ รูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวัยในปัจจุบัน สามารถดำเนินได้ 3รูปแบบ ได้แก่ การศึกษานอกระบบ การศึกษาในระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนเป็นคนดี คนเก่งและมีความสุข


2.จงวิเคราะห์และสรุปถึงสภาพปัญหาของการจัดการศึกษาปฐมวัย
 ตอบ ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาการจัดการศึกษา และการเลี้ยงดูเด็กทั้งในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ทั้งนี้อาจมีสาเหตุเนื่องจากการให้บริการแก่เด็กปฐมวัย ในประเทศไทยในปัจจุบันยังขาดทิศทางและความเป็นเอกภาพ ไม่มีนโยบายเด็กปฐมวัยที่ชัดเจนจากรัฐบาล รวมตลอดถึงไม่มีการกำหนดหลักการและมาตรฐานการดูแลเด็กระดับชาติเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ


3.จงอธิบายถึงแนวโน้มของการจัดการศึกษาปฐมวัยในเรื่องการให้บริการแก่เด็กอายุ 3-5ปี
 ตอบ กล่าวโดยรวมแล้วก็ยังกระจายโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็ก 3-5ขวบได้ไม่ทั่วถึงกลุ่มเด็กด้อยฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มเด็กในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลการคมนาคม และกลุ่มเด็กด้อยความสามารถทางด้านร่างกาย และสติปัญญานั้นมีโอกาสได้รับการศึกษาเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น


4.จงอธิบายถึงแนวโน้มในการให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาปฐมวัย
ตอบ เพื่อเป็นเครื่องมือในการประสานความร่วมมือระหว่างชุมชนและโรงเรียนในการพัฒนาเด็กเล็ก ให้การสนับสนุนทางด้านทรัพยากรเป็นแหล่งความรู้ที่หลากหลายตลอดจนการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กในเรื่องต่างๆ


5.จงอธิบายถึงความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงในการจัดการศึกษาด้านปฐมวัย
ตอบ แนวโน้มของการจัดการศึกษาปฐมวัยของไทยเกิดจากสภาพปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตัวเด็ก และความต้องการในการเปลี่ยนแปลงในการจัดการศึกษาปฐมวัยที่ต้องการให้เด็กปฐมวัยของไทยได้รับโอกาสในการเข้าศึกษาในระดับปฐมวัยเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการตามศักยภาพของเด็กไทยโดยองค์รวม


6.จงอธิบายถึงแนวโน้มของนโยบายของรัฐในการจัดการศึกษาปฐมวัยของไทย
 ตอบ ต้องระบุแผนพัฒนาประชากรตั้งแต่แรกเกิด-6ปีให้ชัดเจน จะไม่ขยายการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษาภาคบังคับ เพราะต้องใช้งบประมาณสูงมาก และเนื่องจากประชาชนเห็นความสำคัญของการศึกษาในระดับนี้ จึงส่งบุตรหลานเข้ารับบริการเองด้วยความสมัครใจ


7.จงอธิบายถึงโครงการให้ความรู้แก่พ่อแม่ ผู้ปกครองในการจัดการศึกษาปฐมวัย
 ตอบ การให้พ่อแม่ ผู้ปกครองได้รับความรู้ คำแนะนำ และความช่วยเหลือทางวิชาการของรัฐที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในวิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย 0-6 ปีอย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักวิชาการ


8.จงอธิบายถึงโครงการความร่วมมือขององค์กรต่างๆในชุมชนในการจัดการศึกษาปฐมวัย
ตอบ การให้องค์กรต่างๆในชุมชนทั้งภาครัฐและเอกชนมีส่วนช่วยเหลือและร่วมมือกันในการให้การศึกษาแก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง 
รวมทั้งร่วมมือกันในการให้บริการและการอบบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย


9.จงอธิบายถึงโครงการเครือข่ายพ่อแม่ ผู้ปกครองในการพัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัย
ตอบ เพื่อเป็นหลักสำคัญในการจัดกิจกรรมต่างๆในการให้การศึกษาแก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง จัดกิจกรรมต่างๆที่เปิดโอกาสให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและผู้สนใจอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วมได้ รวมทั้งมีการจัดนิทรรศการ การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย ตลอดจนจัดโครงการต่างๆเพื่อนส่งเสริมการเรียนรู้ 


10.แนวโน้มของการศึกษาปฐมวัยของไทย ตามความคิดเห็นของนักศึกษา เป็นอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ เด็กไทยทุกคนควรจะมีโอกาสได้รับการเตรียมความพร้อมในสถานศึกษาปฐมวัยที่มีคุณภาพ ทั้งนี้โดยไม่คำนึงถึงสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของเด็ก


                            
🙏🙏🙏

😊แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 7😊

🔰🔰🔰

1.จงอธิบายถึงแนวคิดการสอนแบบมอนเตสซอรี่
   ตอบ เป็นการนำวิธีการสอนเด็กที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาล่าช้าที่ประสบความสำเร็จมาใช้กับเด็กปฐมวัย

2.จงอธิบายการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่
ตอบ จุดมุ่งหมายในการให้การศึกษาในระยะแรกนั้น ไม่ใช่การเอาความรู้ไปบอกให้เด็ก แต่ควรเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามความต้องการตามธรรมชาติของเขา

3.จงอธิบายแบบแนวคิดการสอนแบบธรรมชาติ
ตอบ การที่เด็กได้เรียนรู้การใช้ภาษาทั้งด้านการฟัง พูด อ่าน เขียนไปตามธรรมชาติ อย่างมีความหมาย สอดคล้องเหมาะสมกับวัย โดยไม่แยกว่าต้องอ่านก่อน หรือเขียนก่อน แต่จะเน้นให้เด็กได้ลงมือทำด้วยตนเอง

4.จงอธิบายถึงแนวการจัดกิจกรรมการสอนแบบภาษาธรรมชาติ
ตอบ เน้นให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ ซึ่งการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเสียงกับภาพ เสียงกับตัวอักษร เป็นความรู้เกี่ยวกับตัวอักษรที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งของการอ่านของเด็ก

5.จงอธิบายแนวคิดของการสอนแบบเรกจิโอ เอมีเลีย
ตอบเด็กเป็นผู้มีความพร้อมและศักยภาพ ในตอนที่จะเรียนรู้หากสิ่งที่เด็กต้องการเรียนรู้นั้นจูงใจได้รับการยอมรับสนับสนุนจากผู้ใหญ่ซึ่งอาจเป็นทั้งครูและผู้ปกครอง  แล้วสามารถถ่ายทอดความคิดความรู้ความเข้าใจด้วยภาษาที่เด็กถนัด
                   
6.จงอธิบายแบบหลักการเรียนการสอนแบบเรกจิโอ เอมีเลีย
ตอบ เน้นให้เด็กได้ลงมือทำและปฏิบัติด้วยตนเอง เด็กจะได้เรียนจากประสบการณ์จริง

7.จงอธิบายถึงหลัการเรียนการสอนแบบไฮ/สคอป
ตอบ เน้นการเรียนแบบลงมือทำผ่านมมเล่นที่หลากหลายด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กและการแก้ไขปัญหาอย่างกระตือรือร้น เด็กจะเรียนร้จากประสบการณ์ตรง

8.จงอธิบายถึงหลักการเรียนการสอนแบบโครงการ
ตอบ ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้

9.จงอธิบายถึงหลักการเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ
ตอบ หัวใจของการเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ  คือ  การสร้างความสมดุลของจิตมนุษย์  3  ประการ  ได้แก่  ความคิด  ความรู้สึก  และการกระทำ  โดยไม่มีการรบกวนจากเทคโนโลยีภายนอก  ความสงบทางจิตใจจะช่วยให้เด็กเรียนรู้จากการใช้วินัยในตนเอง

10.จงเลือกและอธิบายถึงแนวการสอนที่คิดว่าดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กปฐมวัย พร้อมให้เหตุผล
ตอบ การสอบแบบวิธีธรรมชาติค่ะ เพราะว่า การสอนแบบธรรมชาติเด็กจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆด้วยตัวเองค่ะ
แต่เน้นให้เด็กได้ลงมือทำด้วยตนเอง เช่น อ่านนิทาน เล่าเรื่องราว


🙏🙏🙏

😊แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 6😊
🔰🔰🔰

1.จงอธิบายถึงความหมายของนวัตกรรมทางการศึกษาปฐมวัย
ตอบ การนำแนวคิดและวิธีการหรือการกระทำใหม่ ๆ ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ทางการศึกษาปฐมวัยมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการศึกษาปฐมวัยให้ดียิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนการจัดการศึกษาปฐมวัยจึงให้ความสำคัญในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยมุ่งจัดประสบการณ์ตามความถนัด ความสนใจ และความสามารถของแต่ละคนเป็นเกณฑ์ เพื่อพัฒนาให้เด็กมีความพร้อมในการเรียน


2.จงอธิบายความสำคันวัตกรรมทางการศึกษาปฐมวัยความสำคัญต่อการจัดการศึกษาปฐมวัย
ตอบ เนื่องจากการจัดการศึกษาปฐมวัยให้ความสำคัญในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล ที่มุ่งจัดประสบการณ์ตามความถนัด ความสนใจ และความสามารถของแต่ละคนเป็นเกณฑ์ เพื่อพัฒนาให้เด็กมีความพร้อมในการเรียนรู้ผ่านกระบวนการเล่นของนวัตกรรมทางการศึกษาปฐมวัยที่มีต่อเด็กปฐมวัย


3.จงอธิบายทฤษฎีที่มีอิทธิพลต่อรูปแบบการพัฒนาเด็กปฐมวัยตามวิถีชีวิตไทย
ตอบ ทฤษฎีและหลักการเกี่ยวกับการศึกษาปฐมวัย และการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย พบว่า ทฤษฎีที่ใช้กันอยู่ในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นทฤษฎีจากต่างประเทศ ประเทสไทยเรายัไม่มีทฤษฎีหรือหลักการในการพัฒนาเด็กที่พัฒนาขึ้นจากบานข้อมูลเด็กไทย ดังนั้นคณะกรรมการการวิจัยจึงได้พยายามศึกษาและผสมผสานความรู้ตามหลักสากลกับภูมิปัญญา วิถีชีวิตและระบบคุณค่าของสังคมไทย


4. จงวิเคราะห์ถึงกระบวนการพัฒนาของหลักการและรูปแบบการพัฒนาเด็กปฐมวัยตามวิถีชีวิตไทย
ตอบ รูปแบบกรพัฒนาเด็กปฐมวัยตามวิถีชีวิตไทยที่พัฒนาขึ้นโดยยึดหลักการพัฒนาเด็กปฐมวัย 2 รูปแบบ
1.รูปแบบการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยตามวิถีชีวิตไทย โดยครอบครัวเป็นรูปแบบที่มุ่งพัฒนาเด็กวัย 0-3 ปี
2.รูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวัยตามวิถีไทย เป็นรูปแบบที่มุ่งพัฒนาเด็กวัย 3-6 ปี ผ่านการพัฒนาผู้ดูแลเด็ก ซึ่งจะมีทั้งการให้เด็กลงมือปฎิบัติทำด้วยตัวเอง ได้เรียนรู้แบบธรรมชาติจากปฎิสัมพันธ์กับบุคคล สื่อ และสิ่งแวดล้อม


5.จงอธิบายถึงการนำรูปแบบการพัฒนาเด็กปฐมวัยตามวิถีชีวิตไทยไปใช้ในการจัดการศึกษาปฐมวัย
ตอบ รูปแบบนี้ได้กำหนดกิจกรรมประจำวันของเด็ก ซึ่งจะจัดไว้อย่างมีหลักการและมีสัดส่วนมดุลในเรื่องราวต่างๆ ที่จะช่วยห้เด็กมีพัฒนาการทุกด้านรวมทั้งเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมและประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่เด็ก ซี่งมีทั้งการให้เด็กลงมือปฏิบัติเป็นวิถีชีวิต ได้เรียนรู้แบบธรรมชาติจากการปฎสัมพันธ์กับบุคคล สื่อ และสิ่งแวดล้อมต่างๆ และได้เรียนรู้จากการสอนโดยตรง


6.จงอธิบายถึงหลักการของการศึกษาแนววิถีพุทธในการการพัฒนาคนให้เป็นผู้ที่มีความรู้
ตอบ หลักที่สาม มนุษย์มีภาวะทางสติปัญญามาแต่กำเนิด สชาติกปัญญาและแม้ว่ามนุษย์จะมีความแตกต่างกัน ก็จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้เกิดการเรียนรู้


7. จงอธิบายถึงหลักของการเรียนรู้ตามแนววิถีพุทธ
ตอบ มุ่งการฝึกฝนอบรมตนให้บรรลุอิสระภาวะหลุดพ้นจากปัญหา


8. จงอธิบายถึงปัจจัยของการเรียนรู้ตามแนววิถีพุทธ
ตอบ มนุษย์ดำเนินชีวิตได้ด้วยการเรียนร้ และการดำเนินชีวิตได้ด้วยการเรียนรู้ และการดำเนินชีวิตของมนุษย์ประกอบด้วยพฤติกรรม จิตใจ และปัญญา เมื่อจะพัฒนาคนก็ต้องพัฒนา 3 ด้าน พัฒนาพฤติกรรม พัฒนาจิต และพัฒนาปัญญา


9.จงอธิบายถึงแนวคิดการสอนแบบจิตปัญญา
ตอบ มีการเน้นจิตใจและความงอกงามทางปัญญาของผู้เรียน การสอนที่มีประสิทธิภาพ คือ การให้ผู้เรียนได้รับความรู้อย่างมีความสุข เกิดความเจริญงอกงามทางปัญญา ต้องการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สามารถคิดค้นพัฒนาตนและสิ่งที่ตนรับผิดชอบอย่างมีคุณภาพได้



10. จงเปรียบเทียบแนวคิดของรูปแบบการพัฒนาเด็กปฐมวัยตามวิถีชีวิตไทยกับแนวคิดการสอนแบบจิตปัญญามีความแตกต่างกันหรือความเหมือนกันอย่างไร
ตอบ แตกต่างกัน เพราะ การพัฒนาเด็กปฐมวัยตามวิถีไทยเป็นการพัฒนาเด็กปฐมวัยตามวิถีชวิตไทย โดยเป็นรูปแบบที่มุ่งพัฒนาเด็กวัย 0 – 3 ปี และ3 – 6ปีผ่านทางการพัฒนาผู้ดูแลเด็กที่จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทุกด้าน แต่การสอนแบบจิตปัญญาเป็นการสอนที่มุ่งพัฒนาจิตใจของผู้เรียนที่ต้องการเรียนอย่างมีความสุข ควบคู่ไปกับการพัฒนาปัญญา วิธีการสอนจะเน้นที่กิจกรรมการจัดการเรียนการสอนที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง


🙏🙏🙏

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2561


😊แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 5😊

🔰🔰🔰

1.จงอธิบายถึงจุดมุ่งหมายในการจัดสถานศึกษาระดับปฐม
ตอบ การจัดการศึกษาปฐมวัยเป็นการจัดการศึกษาที่แตกต่างหลากหลายไปจากการศึกษาอื่นโดยมีรูปแบบและจุดหมายที่จัดแตกต่างไปตามสภาพความต้องการ นโยบายหรือหลักปรัชญาการศึกษาของแต่ละหน่วยงานที่จัด แต่มีจุดประสงค์เดียวกัน คือ เน้นพัฒนาเด็กทุกๆ ด้าน (Whole child) ซึ่งการให้การศึกษาอบรมและเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยอย่างถูกต้องเหมาะสมย่อมมีความสำคัญต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง เพราะถ้าเด็กในวัยนี้ได้รับการส่งเสริมอย่างถูกต้อง เหมาะสมจะส่งผลดีและเป็นรากฐานต่อการพัฒนาและการศึกษาระดับอื่นด้วย
1.เพื่อฝึกให้เด็กมีระเบียบวินัย
2.เพื่อฝึกให้เด็กช่วยเหลือตัวเอง


2.จงอธิบายแนวคิดในการเลือกรูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวัย
ตอบ หลักการในการจัดการศึกษาปฐมวัยนั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อ และความรู้ในเรื่องของมนุษย์ เหตุนี้การจัดการศึกษาให้กับเด็กปฐมวัยในสังคมระบอบประชาธิปไตร จึงต้องขึ้นอยู่กับเราว่าเชื่ออะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้เด็กเติบโตเป็นประชาชนที่ดี มีประสิทธิภาพในสังคมและยังขึ้นอยู่กับความรู้ที่เกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยอีกด้วย  หลักการนี้ได้นำมาเป็นพื้นฐานในการวางวัตถุประสงค์หลักของการปฐมวัยศึกษา ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของการปฐมวัยศึกษา ได้แก่ การจัดประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมที่ช่วยสงเสริมพัฒนาการของเด็ก ทั้งในด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


3.จงอธิบายถึงรูปแบบของการจัดการศึกษาปฐมวัย ตามแนวความคิดของเยาวพา เดชะคุปส์ ทั้ง 9 รูปแบบ
ตอบ การจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย ในประเทศไทยนั้น มีการจัดการศึกษามาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ตั้งแต่สมัยโบราณจนกระทั่งปัจจุบัน แต่รูปแบบของการจัดการศึกษานั้นอาจแตกต่างกันไปบ้างทั้งรูปแบบ วิธีการ และ การเรียกชื่อ  ได้แบ่งประวัติการจัดการศึกษาปฐมวัย ในประเทศไทยเป็น 5 ยุค ดังนี้
   1. การจัดการศึกษาปฐมวัยในสมัยก่อนมีระบบโรงเรียน
   2. การจัดการศึกษาปฐมวัยในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
   3. การจัดการศึกษาปฐมวัยสมัยมีระบบโรงเรียน
   4. การจัดการศึกษาปฐมวัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอบ
   5. การจัดการศึกษาปฐมวัยในสมัยปัจจุบัน


4.จงอธิบายถึงรูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวัยในรูปแบบโรงเรียน
ตอบ การจัดการศึกษาปฐมวัยในรูปแบบโรงเรียน มีเป้าหมายหลักอยู่ที่เด็กอายุระหว่าง 3-6 ปี เป็นการจัดการศึกษาที่มุ่งส่งเสริมพัฒนาเด็กและการเตรียมความพร้อมให้เด็กอ่อนก่อนเข้าเรียนในระดับประถมศึกษา ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสิตปัญญา


5.จงอธิบายถึงรูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวัยในรูปแบบศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ตอบ ในรูปแบบศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หรือสถาบันรับเลี้ยงเด็กนั้นมีเป้าหมาหลักอยู่ที่เด็กปฐมวัยที่มีอายุระหว่างตั้งแต่แรกเกิด-6ปี ที่ด้อยฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ซึ่งได้แก่ เด็กยากจนในเขตพื้นที่ชนบทห่างไกลและชนกลุ่มน้อย เด็กที่อยู่ในเขตชุมชนแออัด และเด็กด้อยความสามารถทางด้านร่างกาย สมอง และจิตใจ


6.จงอธิบายถึงรูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวัยในรูปแบบอื่นๆ
ตอบ เนื่องจากมีเด็กบางกลุ่มไม่ได้เข้ารับบริการ การอบรมเลี้ยงดูจากโรงเรียนหรือศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จึงมีการจัดกิจกรรมที่จัดขึ้น เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยในระบบอื่นๆเช่น การพัฒนาเด็กโดยหน่วยงานพัฒนาเด็กเคลื่อนที่ ซึ่งจัดกิจกรรมให้ความรู้ความเข้าใจแก่พ่อแม่ผู้ปกครองด้วยวิธีการสาธิต ฝึกอบรมการเลี้ยงดูเด็กตามหลักวิชาแผนใหม่ ส่งสริมให้เด็กมีพัฒนาการครบทุกด้าน


7.จงอธิบายถึงหน่วยงานที่จัดการศึกษาปฐมวัยในระบบโรงเรียนอนุบาล
ตอบ 1.โรงเรียนอนุบาลของรัฐ หน่วยงานของรับที่ดูแลรับผิดชอบการจัดโรงเรียนในการจัดการศึกษาระดับชั้นอนุบาล และชั้นเด็กเล็กได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม สำนักนายกรัฐมนตรี   กระทรวงแรงงาน และสวัสดิการสังคม
    2.โรงเรียนอนุบาลของเอกชน จะอยู่ในความดูแลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ เอกชนเป็นเจ้าของรับผิดชอบการจัดการศึกษา รับเด็กอายุ3-6ปี จัดหลักสูตรดังนี้
               2.1 อายุ 3-4 ปี อนุบาล1
               2.2 อายุ 4-5 ปี อนุบาล2
               2.3 อายุ 5-6ปี อนุบาล3


 8.จงอธิบายถึงหน่วยงานที่จัดการศึกษาปฐมวัยในรูปแบบศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ตอบ  1.หน่วยงานรัฐ ที่จัดการศึกษาปฐมวัยในรูปแบบศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
             1.1 ศูนย์อบรมเด็กอ่อนก่อนเกณฑ์ในวัด เป็นโครงการของกรมศาสนา สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อสอนให้กับเด็กก่อนเกณฑ์ที่จะเข้ารับการศึกษาภาคบังคับตามกฎหมายทั้งชาย-หญิง
             1.2สถานสงเคราะห์เด็กก่อนวัยเรียน หรือศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน จัดโดยกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จัดบริการการศึกษาเด็กอายุ2-6ปี ที่ไม่สามารถรับบริการจากการศึกษาที่รับผิดชอบการจัดการศึกษาโดยตรงได้
        2.หน่วยงานเอกชน การจัดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของภาคเอกชนมีการจัดดำเนินงานใน 2 ลักษณะคือ
              2.1 ศูนย์เด็กขององค์การ อยู่ในความรับชอบขององค์กรต่างๆ เช่น  มูลนิธิ สมาคม และบริษัท
              2.2 ศูนย์รับเลี้ยงเด็กเอกชน ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในชุมชนเมือง

                   
9.จงอธิบายถึงหน่วยงานที่จัดการศึกษาปฐมวัยในรูปแบบการศึกษาอื่นๆ
ตอบ  1.หน่วยงานภาครัฐ มีการให้บริการความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กแก่ผู้ปกครอง โดยมุ่งองค์กรท้องถิ่น อาสาสมัคร พ่อแม่ เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดกิจกรรม เช่น กิจกรรมศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเคลื่อนที่
         2.ภาคเอกชนหรือองค์กรเอกชน ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเด็กและเยาวชน และได้รับการอนุมัติการคณะรับมนตรี เช่น มูลนิธิเพื่อพัฒนาเด็ก มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม


10.จงอธิบายถึงการดำเนินการและลักษณะของโรงเรียนอนุบาล
ตอบ โรงเรียนอนุบาลคือสถานรับเลี้ยงเด็กหญิงและชาย อายุ 4-6ปี มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาเด็กทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา ทั้งเตรีนมความพร้อมที่จะให้เด็กศึกษาขั้นต่อไปในระดับประถมศึกษา
        1.โรงเรียนอนุบาลของรัฐ ที่อยู่ในความดุแลของกระทรวงศึกษาธิการมีหลายหน่วยงานรับผิดชอบ โรงเรียนอนุบาลส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และในทุกจังหวัดมักมีความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนเหล่านี้รับเด็กชายและหญิง อายุ 4-6ปี เข้ารับการศึกษาอบรมเลี้ยงดู เพื่อพัฒนาเด็กทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา
       2.โรงเรียนอนุบาลเอกชน อยู่ในความดุแลของคณะกรรมการการอุดมศึกษาหน่วยงานที่รับผิดชอบคือมหาวิทยาลัยซึ่งจัดโรงเรียนอนุบาลสาธิตขึ้น เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยา มหาวิทยาลัยราชภัฎ รับเด็กชายและหญิง อายุ3ปีครึ่ง ถึง 6 ปี เข้ารับการอบรมเลี้ยงดูให้ถูกต้องตามหลักพัฒนาการ ผู้บริหาร และผู้สอนในโรงเรียนได้รับการศึกษาระดับปริญญาตรี



🙏🙏🙏



😊แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 4😊
🔰🔰🔰


1.จงอธิบายถึงการจัดการศึกษาปฐมวัยในช่วงไม่มีระบบโรงเรียน
ตอบ ยุคก่อนมีระบบโรงเรียน การจัดการศึกษาทุกระดับ รวมทั้งระดับปฐมวัย ยังไม่มีการดำเนินการอย่างเป็นแบบแผน ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การศึกษาแบบไม่เป็นทางการ คือ ไม่มีการกดหนดหลักเกณฑ์ที่แน่นอน ไม่มีโรงเรียนสำหรับเรียนโดยเฉพาะ ไม่มีหลักสูตร ไม่มีการบังคับ เป็นการสอนแบบให้เปล่า ไม่มีค่าจ้างหรือค่าเล่าเรียน การเรียนจึงขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้เรียน เนื้อหาที่เรียนเน้นด้านพุทธิศึกษาและวิชาชีพ เป็นหลัก


2.จงอธิบายถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ตอบ  พระองค์ได้ทรงตระหนัก เพื่อปรับปรุงคนในประเทศให้มีความรู้ความสามารถจะช่วยให้ ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน ดังพระราชดำรัสที่ว่า “ วิชาหนังสือเป็นวิชาที่น่านับถือและเป็นที่น่าสรรเสริญมาแต่โบราณว่า เป็นวิชาอย่างประเสริฐซึ่งผู้ยิ่งใหญ่นับแต่ พระมหากษัตริย์เป็นต้นมา ตลอดจนราษฎรพลเมืองสมควรและจำเป็นจะต้องรู้เพราะเป็นวิชาที่อาจทำให้การทั้งปวงสำเร็จในทุกสิ่งทุกอย่าง… (ประไพ เอกอุ่น. 2542 : 83 - 84) การที่พระองค์ทรงเห็นความสำคัญของการศึกษา จึงได้มีการจัดการศึกษาอย่างมีระเบียบแบบแผน


3.จงอธิบายถึง วิชาหรือเนื้อหาสาระ 10อย่าง ของโรงเลี้ยงเด็ก พ.ศ.2433
 ตอบ 1.ให้อ่านหนังสืออก เขียนได้
         2.ให้คิดเลขเป็น
         3.ให้รู้จักรักษาอิริยาบถ
         4.ให้หุงข้าวต้มแกงเป็น
         5.ให้เย็บผ้าเป็น
         6.ให้ขึ้นต้นไม้เป็น
         7.ให้ว่ายน้ำเป็น
         8.ให้ปลูกทับกระท่อมที่อยู่เป็น
         9.ให้รู้จักปลูกต้นไม้
       10.ให้รู้จักเลี้ยงสัตว์


4.การจัดการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษาในโครงการศึกษา พ.ศ.2441 แบ่งออกเป็นกี่ระดับ จงอธิบาย
ตอบ 4 ระดับ
          1.การเล่าเรียนเบื้องแรก (มูลศึกษา)
          2.การเล่าเรียนเบื้องต้น (ประถมศึกษา)
          3.การเล่าเรียนเบื้องกลาง (มัธยมศึกษา)
          4.การเล่าเรียนเบื้องสูง (อุดมศึกษา)


5.ในยุคเริ่มต้นของการจัดอนุบาลเอกชน พ.ศ.2454-2470 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ ในช่วงนี้กลุ่มมิชชั่นนารีได้เข้ามาจัดตั้งโรงเเรียนขึ้นมาในประเทศไทย ทำให้มีการเปิดแผนกอนุบาลขึ้นในโรงเรียนเอกชนหลายแห่ง ในช่วงที่มีโรงเรียนราษฎร์เกิดขึ้นอย่างมากมายนั้น การจัดการศึกษาของโรงเรียนแต่ละแห่งล้วนมีความแตกต่างกัน การจัดการเรียนการสอนวิชาต่างๆก็สอนตามความพอใจและสอนตามความสามารถของแต่ละโรงเรียน เกิดปัญหาขาดความเป็นเอกภาพด้านการเรียนการสอนรัฐบาลจึงได้ตราพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ขึ้นในปี พ.ศ.2461 เพื่อควบคุมดูแลให้การจัดการศึกษาปฐมวัยในโรงเรียนราษฎร์เป็นไปในแนวเดียวกัน  ในปีพ.ศ.2464 ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญคือ ได้มีดารประกาศพระราชบัญญัติประถมศึกษา สาระสำคัญของพระราชบัญญัตินี้คือ บังคับให้เด็กทุกคนที่มีอายุตั้งแต่7ปีบริบูรณ์เรียนโดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน
         นอกจากนั้นในปีเดียวกันนี้ยังได้มีการปรับโครงการศึกษาใหม่ โดยดัดแปลงจากโครงการศึกษาฉบับ พ.ศ.2456 และฉบับแก้ไข พ.ศ.2458 โดยมีข้อความที่ใช้คล้ายคลึงกันเช่น แบ่งการศึกษาออกเป็น2ประเภท คือ สามัญศึกษาและวิชาสามัญศึกษา แบ่งเป็นชั้นประถมศึกษา 5 ปี ชั้นมัธยมศึกษา 8 ปี การกำหนดอายุนักเรียนเทียบเข้าชั้นตามหลักสูตรสามัญศึกษา สำหรับชั้นประถมศึกษาเป็นดังนี้
           1.ปีที่ 1 อายุปีที่ 8
           2.ปีที่ 2 อายุปีที่ 9
           3.ปีที่ 3 อายุปีที่ 10
           4.ปีที่ 4 อายุปีที่ 11
           5.ปีที่ 5 อายุปีที่ 12
       สำหรับโรงเรียนอนุบาลไม่ว่ามีในที่แห่งใด อยู่เบื้องต้นของประถมศึกษาแสดงว่าโรงเรียนอนุบาลได้มีขึ้นแล้วในสมัยนั้น

6.การจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลละอออุทิศมีความเป็นมาอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ ดังได้กล่าวมาแล้วว่าหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง การศึกษาปฐมวัยได้รับความสนใจมากขึ้น นักการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาระดับนี้ตระหนักถึงความสำคัญของวัยเด็ก จึงจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัยนี้กว้างขวางขึ้นมีการเตรียมการจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลของรัฐ และขยายโรงเรียนไปยังส่วนภูมิภาค สรุปได้ดังนี้ (อารี รังสินันท์, 2539)
                  2.1  การเตรียมการจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลแห่งแรกและการขยายโรงเรียนอนุบาลของรัฐ ดังที่กระทรวงธรรมการและผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษาได้เล็งเห็นความสำคัญของการจัดการศึกษาปฐมวัยจึงได้เริ่มเตรียมการจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลศึกษาขึ้น ได้ตั้งคณะกรรมการจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลของกระทรวงขึ้นในปี พ.ศ. 2480 ประกอบด้วย
1) นายนาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา
2) ม.ล.มานิจ ชุมสาย
3) นางจำนง เมืองแมน (นางพิณพาทพิทยเพท)
ในระหว่างปี 2480-2482 กระทรวงธรรมการได้จัดส่งครูหลายท่านไปศึกษาและดูงานการศึกษาปฐมวัยในประเทศญี่ปุ่น อาทิ นางจิตรา  ทองแถม ณ อยุธยา  ไปศึกษาและดูงาน ณ ประเทศญี่ปุ่นเวลา 6 เดือน และได้กลับมาจัดเตรียมการดำเนินงานโรงเรียนอนุบาล และได้ส่งนางสาวสมถวิล  สวยสำอาง (นางสมถวิล สังขะทรัพย์) ไปศึกษาด้านการศึกษาปฐมวัย ณ ประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2482 กระทรวงธรรมการได้คัดเลือกครู 3 คน คือนางสาวสวัสวดี วรรณโกวิท  นางสาวเอื้อนทิพย์ วินิจฉัยกุล (นางเอื้อนทิพย์ เปรมโยธิน) และนางสาวเบญจา ตุงคะสิริ (คุณหญิงเบญจา แสงมะลิ) ไปศึกษาการอนุ ณ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งท่านเหลานี้ก็ได้กลับมาเป็นผู้นำทางการศึกษาปฐมวัยของไทยในเวลาต่อมา
                    2.2  การเปิดโรงเรียนอนุบาล เมื่อกระทรวงธรรมการได้มีการเตรียมการพ้อมทั้งในด้านบุคลากรและอื่นๆ จึงได้เปิดโรงเรียนอนุบาลแห่งแรกของรัฐขึ้นในจังหวัดพระนครชื่อว่าโรงเรียนอ
นุบาลละอออุทิศ ได้รับเงินบริจาคในกองมรดกของ น.ส.ละออ ลิ่มเซ่งไถ่ สำหรับสร้างอาคารเรียนโรงเรียนอนุบาลละอออุทิศได้เปิดทำการสอนเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2483 ในสังกัดกรมการฝึกหัดครูซึ่งมี ม.ล.มานิจ ชุมสาย เป็นหัวหน้ากองฝึกหัดครูในขณะนั้น และมีนางจิตรา ทองแถม ณ อยุธยา เป็นครูใหญ่
โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศที่จัดทั้งขึ้นในระยะแรกนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อทดลองการจัดการการอนุบาลศึกษาและเพื่อทดลองความสนใจความเข้าใจประชาชนในเรื่องการศึกษาปฐมวัย รับนักเรียนชายหญิงที่มีอายุระหว่าง 3 ปีครึ่งไปจนถึง 6 ปี หรือจนเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษา
                   2.3 ความมุ่งหมายและวิธีการอบรม
                            2.3.1 เพื่อเตรียมสภาพจิตใจของเด็กให้พร้อมที่จะรับการศึกษาในชั้นต่อไป หัดให้ใช้เครื่องมือต่างๆ ในการเรียน การเล่น และการประดิษฐ์ อบรมให้เป็นคนช่างคิดช่างทำ ขยันไม่อยู่นิ่งเฉย และเป็นคนว่องไวกระฉับกระเฉง
                           2.3.2  เพื่ออบรมเด็กให้เป็นคนมีความสังเกต มีไหวพริบ เฉลียวฉลาด คิดหาเหตุผลให้เกิดความเข้าใจด้วยตนเอง มีความพากเพียร พยายาม อดทนไม่จับจด
                           2.3.3 เพื่ออบรมให้เป็นคนพึ่งตนเอง สามารถทำ หรือปฏิบัติอะไรได้ด้วยตนเอง เด็กในโรงเรียนอนุบาลนี้จะต้องอบรมให้ช่วยตัวเองให้มากที่สุด โดยไม่มีพี่เลี้ยงคอยตักเตือน หรือคอยรับทำให้ ครูเป็นแต่ผู้คอยดูแลห่างๆ เท่านั้น
                           2.3.4 เพื่อหัดมารยาทและศีลธรรมทั้งในส่วนตัวและการปฏิบัติต่อสังคมและหัดมารยาทในการนั่ง นอน เดิน และรับประทาน ฯลฯ หัดให้เป็นคนสุภาพเรียบร้อย ฝึกนิสัยให้เป็นคนมีศีลธรรมอันดี มีจิตใจเข้มแข็ง มีระเบียบ รักษาวินัย มีความสามัคคีซึ่งกันและกัน
                           2.3.5 เพื่อปลูกฝังนิสัยทางสุขภาพอนามัย รู้จักระวังสุขภาพของตน เล่นและรับประทานอาหารเป็นเวลา รู้จักรักษาร่างกายให้สะอาด และแข็งแรงอยู่เสมอ
                           2.3.6 เพื่ออบรมให้เด็กเป็นคนร่าเริง มีการสอนร้องเพลง และการเล่นที่สนุกสนานทั้งนี้เพื่อจะได้เป็นนักสู้ซึ่งเต็มไปด้วย ความรื่นเริงเบิกบานและคิดก้าวหน้าเสมอ


7.แผนการศึกษาชาติฉบับพ.ศ.2503 แบ่งการศึกษาเป็นกี่ระดับ จงอธิบาย
                  ตอบ 4 ระดับคือ
                           1.อนุบาลศึกษา
                           2.ประถมศึกษา
                           3.มัธยมศึกษา
                           4.อุดมศึกษา

8.ในปีพ.ศ.2523 กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการจัดตั้งหน่วยงานใดให้รับผิดชอบการศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา
                  ตอบ สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ


9.หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2546 มีความเป็นมาอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ ปรัชญาการศึกษาปฐมวัย
การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็ก ตั้งแต่แรกเกิดถึง ๕ ปี* บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ ที่สนองต่อธรรมชาติ และพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ตาม ศักยภาพ ภายใต้บริบทสังคม-วัฒนธรรม ที่เด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และความเข้าใจของทุกคน เพื่อสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเองและสังคม
หลักการ
เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการ ตลอดจน การเรียนรู้อย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เด็กกับผู้เลี้ยงดู หรือบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาเด็กปฐมวัย เพื่อให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลำดับขั้นของพัฒนาการทุกด้าน อย่างสมดุล และเต็มตามศักยภาพ โดยกำหนดหลักการ ดังนี้
๑. ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการที่ครอบคลุมเด็กปฐมวัย ทุกประเภท
๒. ยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และวิถีชีวิตของเด็กตามบริบทของชุมชน สังคม และวัฒนธรรมไทย
๓. พัฒนาเด็กโดยองค์รวมผ่านการเล่นและกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย
๔. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข
๕. ประสานความร่วมมือระหว่างครอบครัว ชุมชน และสถานศึกษาในการพัฒนาเด็ก

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า ๓ ปี จัดขึ้นสำหรับพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอบรมเลี้ยงดูและพัฒนาเด็ก เพื่อใช้เป็นแนวทางในการอบรมเลี้ยงดูและจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างเหมาะสมกับเด็กเป็นรายบุคคล

จุดหมาย
การพัฒนาเด็กอายุต่ำกว่า ๓ ปี มุ่งส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาที่เหมาะสมกับวัย ความสามารถ ความสนใจ และความแตกต่างระหว่างบุคคล เพื่อให้เด็กมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ดังนี้
๑. ร่างกายเจริญเติบโตตามวัยและมีสุขภาพดี
๒. ใช้อวัยวะของร่างกายได้คล่องแคล่วประสานสัมพันธ์กัน
๓. มีความสุขและแสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมกับวัย
๔. รับรู้และสร้างปฏิสัมพันธ์กับบุคคลและสิ่งแวดล้อมรอบตัว
๕. ช่วยเหลือตนเองได้เหมาะสมกับวัย
๖. สื่อความหมายและใช้ภาษาได้เหมาะสมกับวัย
๗. สนใจเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว
การจัดประสบการณ์
การจัดประสบการณ์สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า ๓ ปี เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้จาก ประสบการณ์ตรง เกิดความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม ได้พัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ซึ่งสามารถจัดในรูปของกิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่น ดังนี้
๑. หลักการจัดประสบการณ์ ควรคำนึงถึงสิ่งสำคัญต่อไปนี้
        ๑.๑ เลี้ยงดูเด็กให้มีสุขภาพที่ดีและปลอดภัย
        ๑.๒ มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กด้วยวาจาและท่าทีที่อบอุ่นเป็นมิตร
        ๑.๓ จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ความต้องการและพัฒนาการของเด็ก
        ๑.๔ จัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เอื้อต่อการเรียนรู้ตามวัยของเด็ก
        ๑.๕ ประเมินการเจริญเติบโตและพัฒนาการเด็กอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
        ๑.๖ ประสานความร่วมมือระหว่างครอบครัว ชุมชน และสถานศึกษาในการพัฒนาเด็ก
๒. แนวการจัดประสบการณ์
        ๒.๑ ดูแลสุขภาพอนามัยและตอบสนองความต้องการพื้นฐานทางร่างกายและจิตใจของเด็ก
        ๒.๒ สร้างบรรยากาศของความรัก ความอบอุ่น ความไว้วางใจ และความมั่นคงทางอารมณ์
        ๒.๓ จัดประสบการณ์ตรง ให้เด็กได้เลือก ลงมือกระทำและเรียนรู้จากประสาทสัมผัสทั้ง ๕ และการเคลื่อนไหวผ่านการเล่น
        ๒.๔ เปิดโอกาสให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลที่แวดล้อมและสิ่งต่างๆ รอบตัวเด็ก อย่างหลากหลาย
        ๒.๕ จัดสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องใช้และของเล่นที่สะอาด ปลอดภัย เหมาะสมกับเด็ก
        ๒.๖ ใช้การสังเกตและติดตามการเจริญเติบโตและพัฒนาการอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
        ๒.๗ ให้ครอบครัว ชุมชน และสถานศึกษามีส่วนร่วมในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับเด็ก

10.จงวิเคราะห์ถึงการศึกษาปฐมวัยของไทยตามความรู้ความเข้าใจของนักศึกษา
ตอบ การศึกษาปฐมวัยในอดีตมีมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงสุโขทัย และได้มีการพัฒนามาจนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่5 ได้มีการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งแรกของประเทศไทย โดยดำริของพระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมขุนสินีนาฎ ในรัชกาลที่5 นับตั้งแต่บัดนั้นก็ได้มีการจัดการศึกษาปฐมวัยโดยมีรูปแบบที่เป็นทางการตามโครงการศึกษา ปีพ.ศ.2441 ซึ่งเป็นโครงการศึกษาฉบับแรกที่มีการจัดการศึกษา "มูลศึกษา" ใน3รูปแบบ คือ โรงเรียนบุรพบท โรงเรียน กข นโม และโรงเรียนกินเดอกาเตน และรัฐได้เริ่มให้ความสำคัญของการศึกษาในระดับปฐมวัย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2441 เป็นต้นมา และพัฒนาการของการศึกษาปฐมวัย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 จนกระทั่งถึงหลักสูตรระดับก่อนประถมศึกษา พ.ศ. 2540 ได้มีการปรับปรุงและพัฒนามาโดยตลอดเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ทั้งในด้านธรรมชาติพัฒนาการเด็ก โดยรัฐได้กำหนดนโยบายการพัฒนาการจัดการศึกษาให้เด็กปฐมวัย โดยคำนึงถึงแนวคิดเกี่ยวกับเด็กปฐมวัยเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเด็กปฐมวัยให้เต็มศักยภาพสูงสุด โดยใช้กับเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งถึง 5 ปี เพื่อให้หน่วยงานที่จัดการศึกษาระดับปฐมวัย ได้จัดประสบการณ์ให้มีคุณภาพเป็นไปในทิศทางและมีมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้เด็กปฐมวัยเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพในการพัฒนาประเทศไทยต่อไป

                                🙏🙏🙏
                   

😊แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 8😊 🔰🔰🔰 1. จงอธิบายถึงรูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวัยในปัจจุบัน  ตอบ  รูปแบบการจัดการศึกษาปฐมวัยในปัจจุบัน สาม...